
“หูดับเฉียบพลัน (Sudden Sensorineural Hearing loss)”

“หูดับเฉียบพลัน (Sudden Sensorineural Hearing loss)” : รูปแบบแผ่นพับ [1] [2]
การสูญเสียการได้ยินอย่างเฉียบพลัน หรือ หูดับฉับพลัน เป็นการเสื่อมการได้ยินที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน พวกที่ทราบสาเหตุแน่นอน จะพบได้ไม่มาก ได้แก่ การติดเชื้อไวรัส เช่น คางทูม ,หัด ,งูสวัด เป็นต้น การติดเชื้อแบคทีเรีย การบาดเจ็บที่ศีรษะ,กระดูก temporal หัก , การรั่วของน้ำในหูชั้นใน, เนื้องอก CN8 หรือ เป็นจากยาเป็นต้น
อุบัติการณ์ พบได้ประมาณ 5-10/100,000/ปีหรือร้อยละ 2-3 ของจำนวนผู้ป่วยโรคหู
อาการ และอาการแสดง
ผู้ป่วยมักจะให้ประวัติมีอาการหูอื้อขณะตื่นจากที่นอน หรือสังเกต พบว่าการได้ยินลดลงในขณะที่พูดโทรศัพท์เป็นต้น อาการอื่นที่พบร่วมด้วย ได้แก่ อาการเวียนศีรษะ ( vertigo), อาการเสียงดังในหู (tinnitus) ผู้ป่วยจะเป็นที่หูข้างใดข้างหนึ่ง มีจำนวนน้อยมากที่พบอาการพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง
สาเหตุ
ส่วนใหญ่เน้นเป็นผู้ป่วยไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่เชื่อกันว่ามีสาเหตุดังต่อไปนี้
- การติดเชื้อไวรัส โดยมีรายงานว่าผู้ป่วยอาจจะมีอาการไข้หวัดนำมาก้อนหรือมีการติดเชื้อไวรัส เช่น หัดเยอรมัน, หัด , คางทูม หรือ งูสวัดเป็นต้น
- ความผิดปกติทางหลอดเลือด เมื่อมีการยุดตันของเส้นเลือด จะเกิดภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงหูชั้นใน นำมาซึ่งการเสื่อมการได้ยินแบบฉับพลันได้ โรคที่มีมักพบได้แก่ โรคทางหลอดเลือด, เม็ดเลือด ,เกร็ดเลือด, ความดันโลหิตสูง ,เบาหวาน
- การฉีกขาดเยื่อบุภายในหูชั้นใน จากการเปลี่ยนแปลงความดัน เช่น จาม ไอ ,ยกของหนัก, การดำน้ำ หรือเดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้เกิดการผสมของสารในหูชั้นใน เปลี่ยนแปลงจากเดิมส่งผลต่อการนำกระแสประสาทการรับเสียง
- ความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- นอกเหนือจากการตรวจร่างกายโดยการดูหูแล้ว
- ยังมีการตรวจการได้ยินเพื่อหาระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยิน
- และยังมีการตรวจจากห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุของโรค เช่น เม็ดเลือดแดง ,ระดับน้ำตาล,
เกลือแร่, การทำงานของไต , ระดับไขมันในเลือด,ระดับการทำงานต่อมธัยรอยด์
- การตรวจทางรังสี เช่น x-ray ปอด คลื่นแม่เหล็ก
- การตรวจการทำงานของระบบการทรงตัว
การรักษา
ทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล เนื่องจากความเครียดทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
การรักษาทางยา
- พักผ่อนให้มาก/เงียบ ปราศจากเสียงรบกวน
- จำกัดความเค็มของอาหาร
- ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดระดับน้ำที่มากเกิน
- ยาสเตียรอยด์ มีทั้งแบบรับประทาน, แบบ….ขอบเลือดดำ ในกรณีที่มีข้อห้ามในการใช้ อาจจะใช้แบบฉีดเข้าหูชั้นกลาง โดยตรงผ่านเยื่อแก้วหู
- ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเลือดไปหูชั้นใน
- ยาต้านไวรัส ในกรณีมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการติดเชื้อไวรัส
การผ่าตัด
มีข้อบ่งชี้ในรายที่สงสัยว่ามีการรั่วของน้ำในหูชั้นใน เนื่องจากการฉีกขาดของ CW/RW ให้รักษาด้วยการผ่าตัดเปิดแก้วหู ค้นหารูรั่วแล้วอุดรูรั่ว
การพยากรณ์โรค
ร้อยละ 30-65 อาการดีขึ้นเอง โดยปราศจากการักษาได้ การพยากรณ์ของโรคขึ้นกับปัจจัยดังนี้
- ระยะเวลาที่มาพบแพทย์
ถ้าได้รับการรักษาภายในช่วง 7 วันแรกจะได้ผลดีกว่าจาก 7วันไปแล้ว และพยากรณ์โรคแย่ลงเมื่อช้ากว่า 1เดือน
- ความรุนแรงของการเสื่อมการได้ยิน
ถ้าการสูญเสียได้ยินน้อย พยากรณ์โรคจะดี
- อาการเวียนศีรษะร่วม บอกดึงพยาธิสภาพรุนแรง พยากรณ์โรคไม่ดี
- อายุ โดยเฉพาะมากกว่า 40 ปี ยิ่งไม่ดี
โดย พญ. สายสุรีย์ นิวาตวงศ์
Leave a reply